เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่
วันนี้ (29 มิถุนายน 2565) เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โดยการสนับสนุนของสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงานเวทีเชิดชูเกียรติ 10 โรงเรียนต้นแบบปลอดบุหรี่และแอลกอฮอล์ พื้นที่กรุงเทพฯ ณ ห้องราชเทวี 2 โรงแรมเอเชีย (เขตราชเทวี กรุงเทพฯ)
นางสุวิมล จันทร์เปรมปรุง คณะกรรมการบริหารเครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ เปิดเผยว่าเครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ ซึ่งเป็นเครือข่ายของครูที่มีจิตอาสา มุ่งเน้นรณรงค์สร้างค่านิยมที่ไม่สูบบุหรี่ในสังคมไทย และปกป้องเยาวชนจากการสูบบุหรี่ โดยขับเคลื่อนงานโรงเรียนปลอดบุหรี่มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 โดยการสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีเป้าหมายในการสนับสนุนให้เกิด “โรงเรียนปลอดบุหรี่ต้นแบบและแอลกอฮอล์” ที่มีการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ซึ่งไม่เพียงเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้โรงเรียนเป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมดแล้ว ยังเป็นการปกป้องเยาวชนไม่ให้เริ่มสูบบุหรี่อันเป็นประตูสู่ยาเสพติดที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้ดำเนินงานโรงเรียนปลอดบุหรี่มาโดยตลอด และเมื่อปี พ.ศ.2564 เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ได้ดำเนินงาน “โครงการโรงเรียนปลอดบุหรี่ : กรุงเทพมหานคร” เพื่อสนับสนุนให้โรงเรียนต่าง ๆ ขับเคลื่อนงานโรงเรียนปลอดบุหรี่ด้วยแนวทาง 7 มาตรการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ โดยได้รับความร่วมมือจากองค์กรต้นสังกัด ได้แก่ สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตพื้นที่ที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานครเขต 1 และ เขต 2 ส่งผลให้เกิดเครือข่ายโรงเรียนปลอดบุหรี่พื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 74 โรงเรียน
นางสุวิมล กล่าวเพิ่มเติมว่า เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ ได้ขับเคลื่อนโครงการจุดจัดการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ขึ้น โดยกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญ และขับเคลื่อนการทำงานโรงเรียนปลอดบุหรี่ โดยใช้ 7 มาตรการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ ซึ่งใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเพื่อป้องกัน ดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้ห่างไกลจากบุหรี่อย่างเป็นระบบ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ โรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ใน 4 สังกัดหลัก ได้แก่ 1) สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร 2) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 (สพม.กท.1) 3) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 (สพม.กท.2) และ 4) สังกัดสำนักงานพุทธศาสนา (โรงเรียนพระปริยัติธรรม) โดยในการดำเนินโครงการระยะที่ 1 นี้ มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 74 โรงเรียน และมี 10 โรงเรียน ที่ก้าวเข้าสู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบปลอดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งโรงเรียน 10 แห่งที่ได้รับรางวัลนี้ ได้มีการพัฒนายกระดับและผ่านเกณฑ์ประเมินสู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบปลอดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีจุดเด่นชัดด้านการพัฒนาจนเกิดนวัตกรรมเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ คือ เกิดการขับเคลื่อนงาน กิจกรรม ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือกระบวนการใหม่ ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ โดย การทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีใหม่ ๆ ซึ่งแตกต่างจากวิธีปฏิบัติเดิมที่เคยทำมาก่อน และเกิดการพัฒนาต่อยอดจากเดิมด้านการควบคุมยาสูบและแอลกอฮอล์ในโรงเรียน ได้แก่
สังกัดกรุงเทพมหานคร
1. โรงเรียนวัดปากบ่อ สำนักงานเขตสวนหลวง มีผลงานเด่นคือ มีนวัตกรรมเรื่องบุหรี่ที่เกิดจากการสอดแทรกในการเรียนการสอนและมีการทดลองใช้กับผู้สูบบุหรี่ ได้แก่ นวัตกรรมชาโปร่งฟ้าบอกลาบุหรี่ และคุกกี้ anti-smoking
2. โรงเรียนวัดพระเชตุพน สำนักงานเขตพระนคร มีผลงานเด่นคือ ฤๅษีดัดตนช่วยแก้อาการอยากสูบบุหรี่ สมุนไพรช่วยเลิกบุหรี่ ซึ่งได้สอนให้แก่นักเรียนและได้ไปถ่ายทอดให้กับผู้ปกครองที่สูบบุหรี่ และมีการสอนนวดกดจุดเลิกบุหรี่ โดยให้นักเรียนไปนวดให้ผู้ปกครองที่สูบบุหรี่
3. โรงเรียนวัดสุวรรณคีรี สำนักงานเขตบางกอกน้อย มีผลงานเด่นคือ มีการสอนหลักสูตรเกราะป้องกันชีวิต ใช้สอนให้นักเรียนรู้จักการปฏิเสธหรือหน้าที่ของคำว่า “ไม่” เป็นวิธีสำคัญที่สุดวิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันนักเรียนจากภัยรูปแบบต่างๆ ซึ่งบุหรี่เป็นภัยใกล้ตัวที่นักเรียนพบเจอทั้งในบ้านและชุมชน
4. โรงเรียนวัดอัมพวา สำนักงานเขตบางกอกน้อย มีผลงานเด่นคือ บรรยากาศปลอดบุหรี่ ณ โรงเรียนวัดอัมพวา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1
1. โรงเรียนจันทร์ประดิษฐารามวิทยาคม มีผลงานเด่นคือ ส่งเสริมให้นักเรียนทำกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่อง
2. โรงเรียนทวีธาภิเศก มีผลงานเด่นคือ โครงการตาสับปะรด แจ้งเบาะแส เฝ้าระวังพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ด้วยการนำ QR แจ้งเบาะแส ไปติดในชุมชน เพื่อให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลและเฝ้าระวังพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของนักเรียน
3. โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล มีผลงานเด่นคือ นักเรียนแกนนำกลุ่ม We care ถ่ายทอดการทำงานรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ส่งต่อรุ่นสู่รุ่น
4. โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม มีผลงานเด่นคือ นักเรียนแกนนำที่สามารถจัดกิจกรรมสร้างกระแสรณรงค์ในโลกออนไลน์ แม้อยู่ภายใต้สถานการณ์โควิด และสามารถเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้เรื่องบุหรี่แก่น้องนักเรียนใหม่
5. โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ฯ มีผลงานเด่นคือ การดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้เลิกบุหรี่ แบบ Case Conference : ให้คำปรึกษาแก่นักเรียนที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ทางระบบออนไลน์(ภายใต้สถานการณ์โควิดที่เด็กเรียนออนไลน์ 100%)
6. โรงเรียนศีลาจารพิพัฒน์ มีผลงานเด่นคือ นักเรียนแต่งเพลงรณรงค์ไม่สูบบุหรี่และยาเสพติด โดยมีครูเป็นพี่เลี้ยง
ด้านนางชุลีพร วงษ์พิพัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กล่าวว่า “ดิฉันในฐานะตัวแทนของท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ทางเครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้ให้เกียรติเชิญทางกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในการเปิดงานเชิดชูเกียรติ 10 โรงเรียนต้นแบบปลอดบุหรี่และแอลกอฮอล์ พื้นที่กรุงเทพฯ และมอบโล่รางวัลโรงเรียนต้นแบบปลอดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ในครั้งนี้ และในฐานะที่ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบกรุงเทพมหานคร ตามที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น เราก็สนับสนุนและมีนโยบายให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ต้องปลอดบุหรี่และแอลกอฮอล์ รวมถึงปลอดกัญชาทุกรูปแบบ ตามที่ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้แถลงไว้ และคาดหวังว่าหากทุกโรงเรียนได้ดำเนินงานตาม 7 มาตรการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ ซึ่งเป็นมาตรการที่เข้มแข็ง และเข้มข้นที่สุดที่จะช่วยปกป้องเยาวชนจากการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ป้องกันการเกิดนักสูบ นักดื่มหน้าใหม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นด่านแรกที่จะช่วยป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้ก้าวไปสู่สิ่งเสพติดชนิดอื่นได้ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนในโรงเรียน และสร้างการมีส่วนร่วมของครู นักเรียน และบุคลการทางการศึกษาให้หันมาร่วมมือร่วมใจ จัดกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในโรงเรียนให้เป็นรูปธรรมและเข้มข้นขึ้น นางชุลีพร กล่าวทิ้งท้าย
สอดคล้องกับข้อมูลของ รศ.ดร.จักรพันธ์ เพ็ชรภูมิ อาจารย์คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่เผยผลการสำรวจจากการวิจัย เรื่อง ผลการสำรวจโอกาสเสี่ยงในการสูบบุหรี่ของนักเรียนในภูมิภาคของประเทศไทย(Susceptibility to smoking and determinants among never-smoking high school students: A representative nationwide study in Thailand) ที่ทำร่วมกับคณะ สนับสนุนโดย ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) เปิดเผยว่า การสำรวจนักเรียนระดับชั้น ม.2 จาก 12 จังหวัด ทุกภูมิภาคของไทย จำนวน 3,156 คน พบว่า มีนักเรียน 72.4% ระบุว่าเรียนอยู่ในโรงเรียนที่จัดกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่แบบเป็นประจำ ในขณะที่เหลืออีก 27.6% ระบุว่าเรียนอยู่ในโรงเรียนที่จัดกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่แบบนาน ๆ ครั้ง โดยโรงเรียนที่จัดกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่แบบเป็นประจำ มีนักเรียนที่อยากทดลองสูบบุหรี่ 13.6% ในขณะที่โรงเรียนที่จัดกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่แบบนาน ๆ ครั้งมีนักเรียนที่อยากทดลองสูบบุหรี่ 23.9% สรุปได้ว่า โรงเรียนที่จัดกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่แบบเป็นประจำมีนักเรียนที่อยากทดลองสูบบุหรี่น้อยกว่าโรงเรียนที่จัดกิจกรรมแบบนาน ๆ ครั้ง เกือบ 2 เท่า เช่นเดียวกับการได้รับข้อความรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ทางโทรทัศน์หรืออินเตอร์เน็ตที่พบว่า นักเรียนในกลุ่มที่พบเห็นข้อความรณรงค์ไม่สูบบุหรี่แบบเป็นประจำมีสัดส่วนของคนที่อยากทดลองสูบบุหรี่น้อยกว่านักเรียนในกลุ่มที่พบเห็นข้อความรณรงค์ไม่สูบบุหรี่แบบนาน ๆ ครั้ง เกือบ 2 เท่า
รศ.ดร.จักรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดังนั้น การจัดกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในโรงเรียนโดยเน้นกิจกรรมที่สร้างการรับรู้ถึงนักเรียนโดยตรงเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง และการเผยแพร่ข้อความรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ทางโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต จึงช่วยป้องกันนักเรียนไม่ให้อยากทดลองสูบบุหรี่ได้จริง
ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า หากเปรียบเทียบข้อมูลอัตราการสูบบุหรี่ ในกลุ่มเยาวชน อายุ 15-19 ปีจากสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี พ.ศ. 2564 อัตราการสูบบุหรี่เป็นร้อยละ 6.2 ซึ่งลดลงจาก ปีพ.ศ.2560 ที่มีอัตราการสูบบุหรี่เป็นร้อยละ 9.7 ขณะที่จำนวนนักสูบหน้าใหม่เมื่อปี พ.ศ.2560 เท่ากับ 447,084 คน ส่วนในปี พ.ศ.2564 จำนวนนักสูบหน้าใหม่ลดลงเหลือ เท่ากับ 155,813 คน ซึ่งคุณครูทุกท่านมีส่วนที่ทำให้ภาพรวมอัตราการสูบบุหรี่ของเยาวชนเราลดลงไป และหากทุกโรงเรียนทั่วประเทศ กำหนดนโยบายการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแนวทาง 7 มาตรการเพื่อสถานศึกษาปลอดบุหรี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันนักสูบหน้าใหม่ในกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ร่วมกับการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน และกิจกรรมนอกหลักสูตร เกี่ยวกับความรู้เรื่องโทษพิษภัยของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง หากโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร และโรงเรียนภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ สนับสนุนและเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่สังคมเกี่ยวกับ 9 เหตุผลที่ประเทศไทยต้องคงมาตรการห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ตลอดทั้งสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษพิษภัย อันตรายและผลกระทบของการสูบบุหรี่บุหรี่และไฟฟ้า ร่วมกับการรู้เท่าทันกลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจยาสูบ ก็จะทำให้อัตราการสูบบุหรี่ของเด็กและเยาวชน ลดลงได้
สำหรับโรงเรียนที่ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนการทำงานโรงเรียนปลอดบุหรี่ โดยใช้ 7 มาตรการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.smokefreeschool.net/ หรือติดตามความเคลื่อนไหว และกิจกรรมต่าง ๆ ได้ที่เพจ https://www.facebook.com/smokefreeschool และหากต้องการขอสื่อรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เพื่อใช้จัดกิจกรรมในโรงเรียนสามารถขอรับสื่อฟรีได้ที่ www.smokefreezone.or.th หรือติดต่อที่โทรศัพท์หมายเลข 0-2278-1828